รักตนเองก่อน

เรื่องมีอยู่ว่า 
น้าผม เล่าให้ฟังว่าตอนนี้ป่วยเป็นโรคกระเพาะ เจ็บปวดทรมานน่าดู ไปหาหมอคลีนิค หมอให้ไปโรงพยาบาลใหญ่ พอไปแล้วหมอนัดให้ไปตรวจเช็คร่างกาย ตอนนี้มีส่องกล้อง ดูภายใน และอีกหลายอย่าง เพียงเพราะยอมอดอาหารเช้าเพื่อไปทำงานให้เสร็จ ไม่อยากทิ้งงานไว้แม้เพียงไม่กี่นาทีก็ไม่ยอมทิ้ง ทั้งยังต้องไปเดินระยะทางไกลๆ เพื่อไปดูแลหลานที่กำลังป่วยในห้องผู้ป่วยอีก
ผมก็เลยบอกว่า เพียงแค่เราเสียเวลาไปไม่นานมาก 10-15 นาที พักทานอาหารเช้าเสียให้เรียบร้อย กับ ที่เราต้องลางานหาหมอ มาทุกข์ทนกับโรคที่ต้องเป็นอย่างยาวนาน กว่าจะไปหาหมอ กว่าจะรักษาเยียวยาจนร่างกายสังขารเราหายเป็นปกติ มันเสียเวลาให้เรื่องกินไม่นานเลย
เรียกว่า "เสียเวลารักตัวเองนิดเดียวเอง ค่อยรักคนอื่นต่อ ไม่ได้เสียเวลามากเลย"
ต่อมาพ่อผมป่วยไม่สบายต้องไปหาหมอตอนเช้าตามที่โรงพยาบาลได้นัดหมายไว้ แต่ก็มีหลานที่พี่สาวทิ้งไว้ให้เลี้ยง พ่อก็เป็นห่วงว่า ตอนเช้าหลาน(หลานอายุ 11 ขวบ อยู่ ป.6)จะกินอะไรยังไง หลานจะไปโรงเรียนยังไง ก็เลยขอให้ผมไปส่งขึ้นรถโดยสารประจำทางไปโรงพยาบาล แล้วให้ผมดูแลหลานให้เรียบร้อย หมดห่วงหมดกังวล แล้วตามไปรับพ่อที่โรงพยาบาล กลับมาก็ต้องให้ทันรับหลานที่เลิกเรียน 
ผมเลยบอกว่า ให้ลองคุยกับแม่หลานดูว่าจะจัดการอย่างไร พ่อก็บอกว่า ไม่กล้าบอก เขาต้องทำงาน เขาไม่น่าว่างมาดูแล ผมก็บอกว่าคุยก่อน หาวิธีอื่นก่อน 
ถ้ามองดูจะเห็นว่า ทั้งคุณตาและคุณน้ายอมลำบากเสียสละเพื่อให้ผู้อื่นสุขสบาย ยอมทนทุกข์ทรมาน ยอมใช้ชีวิตยุ่งยากเพื่อผู้อื่น โดยที่ไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร
จะเห็นว่า หลายๆคน รอบตัวผม เขาลืมรักคนที่ใกล้ตัวเขาที่สุดไปเสียแล้ว เขามัวแต่ไปทุ่มเทความรักความเอาใจใส่ให้กับสิ่งต่างๆรอบๆตัว ให้ความสำคัญกับคนรอบตัว จนลืมคนสำคัญที่สุดไป เขาลืม "รักตัวเอง" ไปเสียแล้ว
เวลาเราป่วยขึ้นมา เวลาเราลำบากขึ้นมา เราเจ็บอยู่คนเดียวนะ คนรอบๆเราไม่ได้มาเจ็บมาปวดด้วย สังขารเราก็ทรุดลงๆก็แย่ลงๆ สุดท้ายเผลอๆ เวลาชีวิตก็หดสั้นลงไปด้วย
บางคนอาจจะมองว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวไม่สนใจคนอื่น ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว
หลักสำคัญอยู่ที่ เราเกิดมาบนโลกได้รับร่างกายสังขารนี้มาแล้ว ลองคิดดูสิ ตอนเกิดมารู้จักใครที่ไหนกัน มาตัวเปล่าๆนี่แหละ รู้จักตัวเองนี่เป็นการเริ่มต้นของชีวิต เวลาหิวก็ร้อง เวลาขับถ่ายก็ร้อง อยากได้ของก็ร้อง ร้องเพื่อใคร เพื่อตัวเองทั้งนั้น เอาใจใส่ตัวเองแบบสุดๆ
ดังนั้นเราไม่ควรไปเบียดเบียนตนเองตั้งแต่แรกแล้ว การดูแลเอาใจใส่ตนเองนี่ถือเป็นเรื่องพื้นฐานปกติ เวลากินก็ควรกิน เวลานอนก็ควรนอน เวลาขับถ่ายก็ควรขับถ่าย ฯ แต่พอโตขึ้นๆ ก็มีคนรอบตัวมากขึ้น ทีนี้บางทีลืมลืมตัวเองไปแล้ว ไปให้ความสำคัญกับสิ่งโน้นสิ่งนี้ คนโน้นคนนี้ มากมายจนวุ่นวายไปหมด 
ความรักผู้อื่นนี่ก็ไม่ใช่สิ่งไม่ดีนะ มันเป็นสิ่งดี ไม่ได้บอกให้เอาแต่ตัวเองเป็นหลักไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ผู้อื่น แต่ที่จะบอกคือ เราต้องดูแลตัวเองให้ดี รักตัวเองให้มากก่อน จึงค่อยขยายความรักออกไปสู่ผู้อื่น อานุภาพมันจะสมบูรณ์มีกำลังมากกว่า ถ้าจิตและกายเราหม่นหมอง มันก็แผ่ความหม่นหมองมืดทะมึนออกไปรอบๆด้วยโดยที่ไม่รู้ตัว
อย่าลืมรักและดูแลตัวเองกันด้วยครับ ด้วยความปรารถนาดี


ความคิดเห็น